วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วิธีการลงWindows 7


วิธีการลงWindows 7 ดังนี้ครับ

1. ใส่แผ่น Windows7 ลงใน CD-Rom จากนั้นทำการ Boot Computer
เมื่อเห็นข้อความดังกล่าวดังรูป ให้กด Enter 1ครั้งเพื่อเป็นการเข้าสู้หน้าต่างของการลง Windows7
** ในการปรับให้ให้ Bios นั้น Boots จากแผ่้นเป็นอันดับแรก
-โดยส่วนมาก PC จะกด del / . เข้าไปทำการเซ็ตค่า
- Notebook ส่วนมากจะกด F2 หรือให้สังเกตุดีๆตอนที่คอมพิวเตอร์Boot มันจะบอกอยู่
-แต่ถ้าเราต้องการกดใช้ Boot menu เลย ทั้ง Notebook / pc ส่วนมากจะกด F12 , F10 ครับ
13
2. ให้เราทำการเลือกดังภาพ
Language to install : English
Time : Thai(Thailand)
Keyboard : US ให้เลือกเป็น US ก่อน
Windows7_1
3. จากนั้นให้ทำการกด Install now
Windows7_2
4. ให้เราเลือก OS ที่เราต้องการลง โดยจะ มีทั้ง x86(32bit) , x64(64bit) แนะนำว่าผู้ใช้ทั่วไปควรลง x86 และกด Next
Windows7_3
5. ยอมรับเงื่อนไข Lincene ของ windows 7
- ให้เราทำการ ติ๊ก(√) I accept the license > Next
Windows7_4
6. เมื่อผู้อ่านลง Windows 7 ใหม่หรือลงครั้งแรกจากการซื้อคอมพิวเตอร์ ก็ให้เลือก Custom(advanced)
Windows7_5
7. ขั้นตอนนี้เราเราเลือก Drive ที่จะลง OS Windows7 ส่วนมาก จะลงใน Disk 0 นะครับ ก็คือ Drive C: ของ windows เรานั้นเอง อย่าลง ผิด Drive นะครับดูดีๆ
Update 17/03/2012 ส่วนมากเวลาเราลง Windows 7 เราต้องรู้ว่า Partition ไหนเป็นของ Drive C สำหรับคนที่เคยลง Windows แล้วจะรู้ดีึครับ
ส่วนมากจะเป็น Disk0 Partition 1 หรือ 2 ก็ว่ากันไป ดูดีๆครับ
อย่างในรูปตัวอย่าง Disk 0 Patition 1 : system Reserved  << อันนี้เป็น Partition ของระบบ  บางคอมพิวเตอร์อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ 
ซึ่งผมก็รู้เลยว่า Disk 0 Patition 2 เป็น Drive C แน่ๆ ผมก็ลง Windows 7 อันนี้แหละครับ

สำหรับคนที่เพิ่งซื้อคอมพิวเตอร์มาก็ให้สร้าง Partition ใหม่ก่อนนะครับ ถึงจะสามารถลงได้
โดยปกติผมจะให้ Drive C ประมาณ 100 GB ครับ
Windows7_6
************
สำคัญ แต่สำหรับคนที่เคยลง windows 7 แล้ว หรือลง windows ตัวอื่นแล้วจะมาลง Windows 7 ใหม่ให้ทำขั้นตอนนี้ด้วยนะครับ
ให้ไปที่ Drive options (advanced)
windows7_15
จากนั้นให้เราเลือก Drive ที่เราเคยลง OS มาก่อน จากนั้นก็เลือก format ก่อนครับ จากนั้นก็เลือก Drive ที่เราจะลง OS จากนั้นก็กด Next


windows7_16

8. ขั้นตอนนี้ให้เรารอเวลาใน Install windows 7
Windows7_7
9. หลังจากนั้นให้เราใส่ชื่อ ผู้ใช้ อาทิเช่น ITITHAI จากนั้นก็กด Next
Windows7_8
10. Windows จะให้เราใส่ Password ในการ Login แต่ถ้าเราไม่ต้องการใส่ก็ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยครับ
Windows7_9
11. ขั้นตอนนี้ให้เราใส่ Product key ซึ่ง Product key จะอยู่ที่กล่อง ที่เราทำการซื้อ Windows 7 มาครับ
Windows7_10
12. ขั้นตอนนี้ให้เราเลือก Use recommended Setting เพื่อเป็นการ Update Patch windows ต่างๆ
Windows7_11
13. ให้เราเลือกเวลา Time Zone : UTC+07.00 Bangkok,Hanoi,Jakarta
windows7_12
14. ในหัวข้อนี้ถ้าเรายังไม่แน่ใจ ให้เราเลือก Public network (ตามที่Microsoft แนะนำ)
Windows7_14

15. จากนั้นเราก็จะได้ Window7 ที่หน้าตาที่สวยงาม ดังภาพ ครับ โชคดีในการลงนะครับ
windows7-13
16. ก็เป็นเสร็จสิ้นในการลง Windows 7 แล้ว เป็นไงละครับ ง่ายไหมครับ กับการลง Windows 7

วิธีติดตั้ง Windows 8 แบบ Clean Install ลง Win 8 ง่ายๆไม่ง้อช่าง


วิธีติดตั้ง Windows 8 แบบ Clean Install ลง Win 8 ง่ายๆไม่ง้อช่าง
ในการลงวินโดวส์นั้นหลายคนยังมีอาการกลัวอยู่ว่า เดียวจะลงผิดลงถูกทำให้ใช้ไม่ได้ จึงต้องพึ่งช่างตามร้านคอมพิวเตอร์ก็ต้องเสียเงินมากน้อยก็แล้วแต่ร้าน ผมจะมาบอกว่าความจริงแล้วลงวินโดวส์นั้นไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไรสำหรับWindows 8 นั้นลงง่ายมากๆ ถึงจะมีขั้นตอนที่เพิ่มขึ้นมามากกว่า Windows 7 แต่คงไม่ยากเกินความสามารถของคุณๆ หรอกครับ ยิ่งถ้าเคยลง Windows 7 มาบ้างแล้วยิ่งเป็นการง่าย
วันนี้ผมจะมานำเสนอวิธีการลง Windows 8 แบบ Clean Install ก็คือแบบล้างเครื่องหรือฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ใหม่กันเลย....มาตามดูครับ
ในที่นี้ผมจะใช้วิธีการติดตั้งจากแผ่น DVD ของ Windows 8 นะครับ
1.ก่อนอื่นใส่แผ่นติดตั้งลงในเครื่องอ่านดีวีดีของคอมพิวเตอร์ ทำการบูตเครื่องให้ไปตั้งไบออสของเครื่องให้บูตจากแผ่นดีวีดีเป็นอันดับแรกซึ่งการเข้าไบออสนั้นส่วนมาก ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะก็จะกดปุ่ม Del ส่วนแลปทอปก็จะกดปุ่ม F2ให้ดูที่คู่มือของแต่ละเครื่องก็แล้วกัน
เมื่อเครื่องบูตขึ้นมาจนเห็นคำว่า Press any key to boot from CD or DVD... ให้กด ENTER เลยครับ
2.ปล่อยให้เครื่องทำงานไปจนได้จนปรากฎดังภาพ ให้คลิกเลือกรายการตามนี้
  • Language to install : English
  • Time and currency format : Thai(Thailand)
  • Keyboard or input method : ตัววินโดวส์จะเลือกให้เป็น Thai เพราะเห็นว่า Time and currency formatตั้งเป็น Thai ให้เราเลือกกลับมาเป็น US ก่อน เหตุผลเพราะเมื่อติดตั้งเสร็จหน้าล็อกออนเข้าระบบจะเป็นภาษาไทย เราอาจงงได้ในการกรอกชื่อผู้ใช้และพาสเวิร์ด
3.ในหน้าต่าง Windows Setup ให้คลิก Install now เพื่อเริ่มการติดตั้ง Windows 8
4.ในหน้าต่าง License terms คลิกถูก I accept the term license จากนั้นคลิก Next
5.ในหน้าต่าง Which type of installation do you want? ให้เลือกเป็น Custom: Install Windows only (advanced)
6.ในหน้าต่าง Where do you want to install Windows? ให้เลือกฮาร์ดดิสก์หรือพาร์ติชันที่ต้องการติดตั้ง (ในที่นี้เลือก Drive 0) เสร็จแล้วคลิก Next
ข้อควรจำในขั้นตอนนี้
  • ขั้นตอนนี้เราเลือก Drive ที่จะลง Windows8 ส่วนมาก จะลงใน Disk/Drive 0 นะครับ ก็คือ Drive C: ของWindows เรานั้นเอง ระวังให้ดีอย่าลงผิดไดร์ฟนะ ในกรณีที่มีพาร์ติชันมากกว่า 1 พาร์ติชัน
  • ในการ Format Windows ข้อมูลจะหายเฉพาะที่ Drive C นะครับ
สำหรับเครื่องที่มี Windows XP , Windows 7 แล้วจะลงใหม่เป็น Windows 8
1.ให้ทำการ Format Drive ที่เป็นวินโดวส์ตัวเก่าก่อน โดยทำการกด Drive options (advanced) จากนั้นเลือก ไดร์ฟของวินโดวส์เก่าแล้วคลิก Format... ย้ำอีกทีดูดีๆนะครับ ถ้าผิดไดร์ฟข้อมูลในไดร์ฟหายหมดนะ
2. จากนั้นก็เลือก Drive/disk ที่เรา Format ไปจากข้อที่ผ่านมา จากนั้นกด Next
สำหรับเครื่องที่เพิ่งซื้อมาใหม่หรือฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่
1 ให้เราทำการกด Drive options จากนั้นเลือกฮาร์ดดิสก์แล้วคลิก New เพื่อทำการแบ่งพาร์ติชันวินโดวส์ให้แบ่งมาสัก80 -100 GB ก็พอ ( 1GB = 1024 MB)
2 จากนั้น ก็แบ่งส่วนที่เหลือไว้ให้กับ Drive D , E ตามความเหมาะสม
3 ต่อมาให้เลือกไดร์ฟที่จะให้ลงวินโดวส์ โดยทำการคลิกบน Drive/Disk แล้วคลิก Next
7.ระบบจะเริ่มทำการติดตั้ง Windows 8 โดยจะดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ของวินโดวส์ตามนี้ Copying Windows files, Getting files ready for installation, Installing features, Installing updates และ Finishing upให้รอจนการติดตั้งแล้วเสร็จ ก็ประมาณ 15 - 20 นาที ขึ้นอยู่กับเครื่องว่าแรงขนาดไหน
8.เมื่อ Windows 8 ติดตั้งเรียบร้อย เครื่องจะรีสตาร์ท 1 ครั้ง
9.หลังจากทำการติดตั้งแล้วเสร็จ Windows จะทำการรีสตาร์ทเครื่อง 1-2 รอบ จากนั้นจะปรากฏหน้าต่างPersonalize ให้ทำการเลือกสีของ Background และกำหนดชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์โดยใส่ชื่อที่ต้องการในช่อง PC name เสร็จแล้วคลิก Next
10.ขั้นตอนการ Settings ให้เราเลือก Use Express Settings เพื่อทำการตั้งค่าระบบแบบด่วน
11.ในหน้าต่าง Sign in to your PC ให้คลิก Sign in without a Microsoft account แล้วคลิก Next
** ในขั้นตอนนี้จะมีวิธีการ Sign in to your PC อยู่ 2 วิธี ได้แก่ Email Address และ Sign in without a Microsoft account สำหรับในที่นี้ผมขอให้เลือก Sign in without a Microsoft account เพราะสะดวกกว่า ส่วนEmail Address เราต้องต่ออินเตอร์เน็ตและต้องมีอีเมลของ outlook.com หรือ Hotmail.com อยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเราสามารถสร้างได้ภายหลังที่เข้าใช้วินโดวส์แล้วก็ได้ **
12.หน้าต่างต่อมาให้คลิก Local account
13.ต่อมาให้กำหนดชื่อผู้ใช้ในช่อง User name แล้วกำหนดรหัสผ่านที่ต้องการ 2 ครั้ง ในช่อง Password และReenter password จากนั้นข้อความช่วยจำรหัสผ่านในช่อง Password hint แล้วคลิก Finish
14.ระบบจะทำการจัดเตรียมระบบตามการตั้งค่า
15.ระบบแนะนำการใช้งานเบื้องต้นจากหน้านี้ก็จะเข้าหน้า Lock on Screen
16.เมื่อมาถึงหน้า Lock on Screen คุณก็พร้อมใช้งาน Windows 8 ได้แล้ว
จบแล้วครับสำหรับการติดตั้ง Windows 8 แบบ Clean Install ผมคิดว่าคงไม่ยากเกินไปสำหรับผู้ที่ต้องการจะเรียนรู้ในติดตั้งระบบวินโดวส์ด้วยตนเอง ไม่ต้องไปง้อใครหรือเสียตังส์ให้กับช่างคอมพิวเตอร์
ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ: Notebookspec

10 วิธีสลัดปัญหา อินเทอร์เน็ตช้าเป็นเต่า

10 วิธีสลัดปัญหา อินเทอร์เน็ตช้าเป็นเต่า

1. ตรวจสอบความถูกต้องของสาย และใช้ Splitter แยกสัญญาณ
(เกณฑ์ประสิทธิภาพ +10%)
สำหรับสายเคเบิ้ลที่ต่อจากเราเตอร์ไปยังเครื่องพีซี หรือระหว่างโมเด็ม DSL ไปเราเตอร์จะเป็นสายเคเบิ้ล LAN ปกติ ไม่ใช่สายครอส ซึ่งวิธีตรวจก็ไม่ยากให้ดูว่า การเข้าสายทั้งสองฝั่งนั้นจะมีการเรียงลำดับสายสัญญาณขนาดเล็กที่เหมือนกัน ส่วนสายโทรศัพท์ที่จะเข้าไปยังโมเด็ม หรือเราเตอร์ก็ควรต่อตัวแยกสัญญาณ Splitter ระหว่างสัญญาณ ADSL และโทรศัพท์ให้ถูกต้อง หรือจะเปลี่ยนใช้สายโทรศัพท์ใหม่ทั้งหมดเลยก็ดีมาก
2. การอัพเดตเฟิร์มแวร์ช่วยให้ประสิทธิภาพของเราเตอร์ดีขึ้น
(เกณฑ์ประสิทธิภาพ +5%)
คุณควรดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์ของเราเตอร์เวอร์ชันล่าสุดมาใช้งาน เพราะบางครั้งผู้ผลิตจะเสริมฟังก์ชันใหม่ที่ให้คุณใช้งานเราเตอร์ได้สะดวกและคุ้มค่ามากขึ้น ในอีกทางหนึ่ง การอัพเดตเฟิร์มแวร์ก็ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการทำงานได้ดียิ่งขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ส่วนใหญ่สามารถกำหนดให้ทำการอัพเดตโดยอัตโนมัติได้ แต่ก็ควรตรวจดูการตั้งค่าเพื่อให้แน่ใจว่า เฟิร์มแวร์กำลังจะอัพเดตนั้นเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุดจริงๆ
3. บริหารแบนด์วิดธ์ให้อินเทอร์เน็ต เพื่อการใช้งานที่เหมาะสม
(เกณฑ์ประสิทธิภาพ +10%)
ในเราเตอร์จะมีออปชันให้ผู้ใช้จัดการกับแบนด์วิดธ์อินเทอร์เน็ตตามที่คุณต้องการ อาจจะอยู่ในรูปแบบของการจัดลำดับความสำคัญ (Priority) การตั้งค่าแอพพลิเคชัน (Application Rules) หรือการจัดการคุณภาพบริการอินเทอร์เน็ต (QOS) อย่างเช่น คุณใช้งาน VoIP และ Video Streaming มาก ก็ต้องแบ่งแบนด์วิดธ์ให้มีความสำคัญสูง
4. ค้นหาตำแหน่งจัดวางที่ดีที่สุดภายในบ้านให้กับเราเตอร์ไร้สาย
(เกณฑ์ประสิทธิภาพ +20%)
ผู้ใช้งานส่วนใหญ่มักจะวางเราเตอร์ไร้สายเอาไว้ในจุดที่ไม่เหมาะสม แต่ถ้ามีที่ว่างพอบนผนังก็ให้ติดตั้งเราเตอร์ให้สูงกว่าสิ่งกีดขวาง จากนั้นใช้ฟรีแวร์ Ekahau HeatMappe แสดงแผนผังความแรงของสัญญาณไร้สายภายในบ้านและตรวจสอบว่า ตำแหน่งเครื่องพีซีหรือโน้ตบุ๊กอยู่ในจุดที่มีการรับสัญญาณดีหรือยัง และจัดตำแหน่งเสาอากาศให้ชี้ไปทางเครื่องพีซีหรือโน้ตบุ๊ก เท่านี้การรับสัญญาณก็จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
5. หลีกหนีย่านความถี่ที่แออัดด้วยเราเตอร์ไร้สาย “5GHz”
(เกณฑ์ประสิทธิภาพ +10%)
เราเตอร์ไร้สายทั่วไปจะกระจายสัญญาณคลื่นความถี่ 2.4GHz เช่นเดียวกับอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ เช่นโทรศัพท์ไร้สาย หรือเตาไมโครเวฟ ดังนั้นมันจึงมีการถูกรบกวนอยู่มากแล้ว แต่ด้วยเราเตอร์รุ่นใหม่อย่าง D-Link DIR855 หรือ Linksys WRT610N ที่สามารถใช้ย่านความถี่ 5GHz ได้ ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพของเครือข่ายไร้สายเพิ่มสูงขึ้น ถึงกระนั้นคุณก็ต้องมีโน้ตบุ๊กหรือการ์ดไวร์เลสที่สนับสนุนด้วย
6. เลือกช่องสัญญาณไร้สายที่ไม่ชนกับเพื่อนบ้าน (เกณฑ์ประสิทธิภาพ +20%)
ถ้าคุณใช้เราเตอร์ไร้สายความถี่ 2.4GHz ก็จะเหมือนกับเราเตอร์ของเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดการรบกวนและหักล้างสัญญาณกันเอง แต่โชคดีที่เราเตอร์ส่วนใหญ่จะแสดงช่องสัญญาณ ทั้งยังสามารถสแกนหาช่องสัญญาณที่มีคนใช้น้อยที่สุดและตั้งค่าให้ใช้ช่องสัญญาณนั้นๆ โดยอัตโนมัติ ถ้าหากว่า เราเตอร์ไม่ได้เลือกช่องให้คุณหรือยังมีช่องสัญญาณที่ไม่มีคนใช้งานก็ให้เปลี่ยนไปใช้ช่องสัญญาณนั้นจะดีกว่าเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครือข่ายไร้สายของคุณเอง
7. ทำการตั้งค่าอย่างถูกต้องให้กับค่า MUT (เกณฑ์ประสิทธิภาพ +4%)
MTU เป็นตัวกำหนดขนาดของแพ็กเกจข้อมูลให้วิ่งผ่านทางเครือข่าย ซึ่งปกติค่าของวินโดว์สจะมีขนาดเกินกว่าที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตใช้กันอยู่ ค่าที่เหมาะสมสำหรับอินเทอร์เน็ต ADSL ในบ้านเราคือค่า 1492 และการเปลี่ยนค่า MTU นี้ก็สามารถทำได้โดยเรียกคอมมานด์ไลน์ขึ้นมา (พิมพ์ cmd ลงในช่องค้นหาของวินโดว์ส) จากนั้นพิมพ์ “netsh interface ipv4 set subinterface “1” mtu=1492 store=persistent”
8. กำจัดซอฟต์แวร์ตัวถ่วง รวมถึงจัดการกับตัวป้องกันไวรัสแบบซํ้าซ้อน
(เกณฑ์ประสิทธิภาพ +5%)
โปรแกรมในเครื่องพีซีส่วนใหญ่จะมีการอัพเดตเบื้องหลัง ซึ่งมีส่วนทำให้อินเทอร์เน็ตช้าลง และการยกเลิกการใช้งานด้วย Uninstall ก็ไม่ได้ขจัดการเชื่อมต่อเหล่านั้นออกไปได้ทั้งหมด ผู้ใช้งานจึงควรความสะอาดรีจิสทรีหลังจากการ Uninstall ด้วย ส่วนการใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส 2 ตัวในเครื่องเดียวแม้จะปลอดภัย แต่ก็ทำให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตช้าลงด้วย
9. กำหนดให้ไฟร์วอลล์ทำงานอย่างถูกต้อง (เกณฑ์ประสิทธิภาพ +10%)
ไฟร์วอลล์เป็นระบบที่ทำหน้าที่ป้องกันอันตรายจากอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายภายนอก ดังนั้นมันจึงสามารถสกัดกั้นมัลแวร์ได้ ประเด็นสำคัญก็คือ ควรจะใช้ไฟร์วอลล์เพียงตัวเดียว เพราะถ้าให้มันทำงานในแบบขนานหรือใช้ไฟร์วอลล์ 2 ตัว เครื่องพีซีของคุณจะทำงานได้ช้าและระบบจะมีช่องโหว่มากขึ้น ทั้งยังจะอนุญาตให้การเข้าใช้งาน Firefox, Opera และบราวเซอร์อื่นๆ ก็ต่อเมื่อคุณปิดการทำงานของไฟร์วอลล์ลง
10. ใช้ปุ่มรีเซ็ตและตั้งค่าทั้งหมดใหม่ (เกณฑ์ประสิทธิภาพ +15%)
การตั้งค่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอาจนำมาสู่ความสับสนและความผิดพลาดจนเราเตอร์ทำงานได้แย่ลงการเริ่มทุกอย่างใหม่ด้วยการกดปุ่มรีเซ็ตของเราเตอร์ให้กลับมาใช้ค่าพื้นฐานจากโรงงานก็เป็นทางเลือกที่รวดเร็วกว่าการค้นหาข้อผิดพลาด แต่คุณต้องมั่นใจว่าคุณสามารถตั้งค่าการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการรวมถึงการสร้างเครือข่ายไร้สายได้อย่างถูกต้อง เพราะค่าจากโรงงานจะเป็นการตั้งค่าที่ไม่ถูกต้อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น